หากเอ่ยนาม หม่อมหลวงศรีฟ้า มหาวรรณ (26 มกราคม พ.ศ. 2473 – 16 เมษายน พ.ศ. 2556) ย่อมเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเขียนสตรีผู้ทรงคุณูปการต่อวรรณกรรมไทย ทั้งนวนิยาย เรื่องสั้น และสารคดีเกี่ยวกับชีวิตในรั้ววัง ผลงานของท่านคือร่องรอยทางความคิดและอารมณ์ที่ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจนักอ่านมาหลายทศวรรษ
ภายใต้นามปากกาอันหลากหลาย—“ศรีฟ้า ลดาวัลย์” “สีฟ้า” และ “จุลลดา ภักดีภูมินทร์”—แต่ละชื่อคือโลกวรรณกรรมที่มีรสชาติแตกต่าง หากล้วนมีพลังชวนตรึงใจ จนเป็นเหตุให้ท่านได้รับการยกย่องเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2539 อันเป็นเกียรติสูงสุดที่คู่ควร
หม่อมหลวงศรีฟ้า ลดาวัลย์ กำเนิดที่ วังมหาสวัสดิ์ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความงามและความสงบ เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2473 เป็นธิดาของหม่อมราชวงศ์สนั่น ลดาวัลย์ และนางบัวจันทร์ ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ชีวิตในวัยเยาว์มิได้ราบเรียบนัก เมื่อมารดาด่วนลาลับตั้งแต่ท่านมีเพียงห้าขวบ แต่กลับกลายเป็นแรงบ่มเพาะให้เธอเติบโตขึ้นด้วยหัวใจที่อ่อนไหวและเปี่ยมพลังสร้างสรรค์
เส้นทางการศึกษาเริ่มที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ต่อด้วยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้มิได้สำเร็จการศึกษา ทว่าความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ กลับเป็นเสบียงสำคัญบนเส้นทางนักเขียนในกาลต่อมา
หม่อมหลวงศรีฟ้าเริ่มต้นจับปากกาอย่างจริงจังตั้งแต่วัยมัธยม โดยใช้นามปากกา “ภัฏฏินวดี” ผลงานแรก ๆ ตีพิมพ์ในนิตยสาร เดลิเมล์ และ ไทยใหม่ ก่อนจะก้าวสู่การสร้างนวนิยายเต็มตัวในปี พ.ศ. 2498 กับเรื่อง “ปราสาทมืด” ในนาม จุลลดา ภักดีภูมินทร์ ผลงานชิ้นนี้สร้างชื่อเสียงก้องเกริก ถูกพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง และถูกนำไปสร้างทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายยุคสมัย
นามปากกา “สีฟ้า” ก็เป็นอีกโลกหนึ่งของเธอ—เป็นพื้นที่แห่งการสะท้อนสังคม วิพากษ์ชีวิต และชี้ให้เห็นความงามท่ามกลางความจริงอันเข้มข้น ผลงานเช่น “ข้าวนอกนา” “วงเวียนชีวิต” และ “ใต้ฟ้าสีคราม” ล้วนเป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นนักเขียนที่หยั่งรากในหัวใจผู้อ่าน โดยบางเรื่องได้รับการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นและสร้างเป็นภาพยนตร์
ขณะเดียวกัน นามปากกา “ศรีฟ้า ลดาวัลย์” ก็เปล่งประกายไม่แพ้กัน ผ่านเรื่องราวเข้มข้นทางอารมณ์และสังคม เช่น “พรหมไม่ได้ลิขิต” “กนกลายโบตั๋น” “กุหลาบไร้หนาม” ที่ต่างถูกสร้างซ้ำบนจอแก้วหลายต่อหลายครั้ง
ในบั้นปลายชีวิต หม่อมหลวงศรีฟ้าหันมาสร้างสรรค์งานสารคดี อันเป็นผลจากประสบการณ์ที่เติบโตท่ามกลางรั้ววัง ผลงานในชุด “เลาะวัง” และ “เวียงวัง” บอกเล่าชีวิตเจ้านาย บุคคล สถานที่ และเหตุการณ์สำคัญในราชสำนัก ด้วยถ้อยคำละเมียดละไม ชวนให้ผู้อ่านซาบซึ้งราวได้เดินอยู่ในห้วงกาลเวลาเดียวกัน
หม่อมหลวงศรีฟ้า มหาวรรณ ได้รับเกียรติสูงสุดเป็น ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2539 ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องหมายแห่งความเป็นอมตะในโลกวรรณกรรม เธอจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 สิริอายุได้ 83 ปี แต่ผลงานของเธอยังคงโลดแล่นอยู่บนหน้ากระดาษ และในหัวใจของนักอ่านทุกยุค
หากจะเอ่ยถึงนักเขียนสตรีผู้ฝากรอยประทับในวงวรรณกรรมไทย หม่อมหลวงศรีฟ้า มหาวรรณ คือชื่อที่ไม่มีวันเลือนหาย นามปากกาอันหลากหลายของเธอคือกระจกสะท้อนแง่มุมชีวิตที่งดงามและเข้มข้นต่างกันไป—ทั้งนวนิยายสะท้อนสังคม เรื่องรักต้องห้าม และสารคดีชั้นเยี่ยมที่บันทึกวิถีชีวิตในวัง
ผลงานเหล่านี้ไม่เพียงเป็นบันทึกของกาลเวลา หากยังเป็นเพชรน้ำงามที่ประดับอยู่บนเรือนร่างวรรณกรรมไทยตราบนิรันดร์