ในโลกของวรรณกรรมไทยร่วมสมัย ชื่อของ “โสภี พรรณราย” เป็นที่คุ้นหูทั้งในหมู่นักอ่านนวนิยายและผู้ชมละครโทรทัศน์ ผลงานของเธอหลายเรื่องถูกหยิบไปดัดแปลงเป็นละครดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังคงตราตรึงใจผู้ชมด้วยเสน่ห์ของเรื่องราวที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ถ่ายทอดความรัก ความสัมพันธ์ และความผูกพันในครอบครัวได้อย่างอ่อนหวานและจริงใจ
โสภี พรรณราย เป็นนามปากกาของ สุรภี โพธิสมภรณ์ หรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันว่า “นก” เธอเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ณ กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาด้านบัญชีจากโรงเรียนพณิชยการพระนคร และสำเร็จการศึกษาด้านการบริหารทั่วไปจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการวรรณกรรม เธอเคยทำงานประจำตามสายวิชาชีพ แต่ความหลงใหลในตัวอักษรค่อย ๆ พาเธอเดินออกจากเส้นทางเดิม สู่อ้อมแขนของโลกวรรณกรรมอย่างเต็มตัว
ผลงานชิ้นแรกของเธอคือเรื่อง “แฝดสาวเจ้าเสน่ห์” ตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ดรุณี ในฐานะนักเขียนสมัครเล่น แม้นิตยสารจะปิดตัวลง และเธอหยุดเขียนไปถึงหนึ่งปีเต็ม แต่ไฟฝันก็ยังไม่มอดดับ กระทั่งได้รับคำแนะนำจาก “คุณบำรุง” แห่งสำนักพิมพ์รวมสาส์น ให้ลองส่งผลงานไปยัง นิตยสารภาพยนตร์บันเทิง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของนวนิยายเรื่อง “ปิ่นมุก” ผลงานที่กลายเป็นบันไดขั้นสำคัญสู่การเป็นนักเขียนอาชีพ
จากวันนั้นถึงวันนี้ โสภี พรรณราย ได้มอบผลงานนับร้อยเรื่องให้แก่วงการวรรณกรรมไทย เรื่องราวของเธอมักสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับชีวิต ครอบครัว และความรัก โดยมีจุดเด่นอยู่ที่สำนวนภาษาที่เรียบง่าย อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความละเมียดละไมของความรู้สึก เธอเขียนด้วยหัวใจ และเชื่อมโยงผู้อ่านเข้ากับตัวละครได้อย่างแนบเนียน
ไม่เพียงแต่ในหน้ากระดาษ ผลงานของเธอยังถูกหยิบไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น “พรหมไม่ได้ลิขิต”, “ดั่งดวงหฤทัย”, “เงารักลวงใจ” หรือ “แรงเงา” ล้วนแล้วแต่เป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของเรื่องเล่าที่ครองใจผู้ชมหลากหลายรุ่น
การเดินทางของโสภี พรรณราย อาจไม่ได้เริ่มต้นด้วยแสงไฟสาดส่องหรือเวทีใหญ่โต หากแต่เธอเดินบนเส้นทางนักเขียนด้วยความตั้งใจจริง เสมอต้นเสมอปลาย และศรัทธาในพลังของถ้อยคำ
ในโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เสียงของนักเขียนที่เล่าเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซื่อตรงต่อความรู้สึก และไม่ยอมละทิ้งหัวใจของตัวละคร ยังคงจำเป็น โสภี พรรณราย จึงไม่เพียงเป็นนักเขียนผู้มากด้วยผลงาน หากแต่เป็นผู้พิสูจน์ว่า “ความงามของถ้อยคำ” ไม่เคยล้าสมัย